การรักษาอาการปวดเอวและหลังล่างด้วยแพทย์แผนจีน

อาการปวดเอว ปวดหลังล่างเกิดจากอะไร

อาการปวดเอวและหลังล่างมักพบในกลุ่มวัยทำงานที่นั่งทำงานนาน ๆ โดยเฉพาะผู้ที่นั่งหน้าคอมพิวเตอร์ต่อเนื่อง ซึ่งท่านั่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น การนั่งหลังค่อม การยกขาขึ้นพาดโต๊ะ หรือการเอียงตัวไปด้านใดด้านหนึ่ง จะทำให้เกิดความตึงของกล้ามเนื้อและแรงกดบนกระดูกสันหลังมากเกินไป

นอกจากนี้ อาการปวดเอวและหลังล่างยังสามารถเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ ได้ เช่น:

  • การยกของหนักผิดท่า ส่งผลให้กล้ามเนื้อฉีกขาด หรือเส้นเอ็นอักเสบ
  • หมอนรองกระดูกเสื่อม ซึ่งทำให้หมอนรองกระดูกเคลื่อนตัวไปกดทับเส้นประสาทบริเวณหลังล่าง
  • กล้ามเนื้ออักเสบ จากการออกกำลังกายที่หนักเกินไป หรือการใช้แรงงานมากในระยะเวลานาน ๆ
  • น้ำหนักเกิน ที่ทำให้แรงกดที่บริเวณหลังล่างเพิ่มมากขึ้น

อาการปวดเอว ปวดหลังล่างมีอาการอย่างไร

ผู้ที่มีอาการปวดเอวและหลังล่างมักมีลักษณะอาการที่แสดงออกได้หลากหลาย เช่น:

  • ความรู้สึกปวดตลอดเวลา: อาจเป็นอาการปวดเมื่อย ปวดตื้อ หรือปวดเสียวที่เอวและหลังล่าง
  • การเคลื่อนไหวจำกัด: รู้สึกยากลำบากในการก้ม ยืดตัว หรือบิดตัว ซึ่งทำให้กิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ถูกจำกัด
  • อาการปวดแผ่ร้าว: บางครั้งอาการปวดอาจแผ่ลงไปถึงขา สะโพก หรือก้น ซึ่งเกิดจากการกดทับของเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกระดูกสันหลัง
  • อาการชาหรือรู้สึกเสียว: เกิดขึ้นในบริเวณที่ปวดหรือตามแนวเส้นประสาทที่ถูกกดทับ

วิธีการรักษาด้วยแพทย์แผนจีนมีอะไรบ้าง

แพทย์แผนจีนมีวิธีการรักษาหลากหลายที่สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดเอวและหลังล่าง ได้แก่:

1. การฝังเข็ม

  • การฝังเข็มเป็นวิธีที่แพทย์แผนจีนใช้เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของพลังงาน (Qi) และเลือด โดยใช้เข็มขนาดเล็กที่ปลอดเชื้อ ฝังลงไปในจุดต่าง ๆ ของร่างกาย
  • จุดที่นิยมในการรักษาอาการปวดเอวและหลังล่าง เช่น บริเวณเอว, กระเบนเหน็บ (Sacrum), และเส้นลมปราณที่เชื่อมต่อกับหลังล่าง
  • การฝังเข็มช่วยลดอาการอักเสบ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ตึง และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ซึ่งช่วยลดอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. การครอบแก้ว (Cupping Therapy)

  • การครอบแก้วเป็นการใช้แก้วสูญญากาศเพื่อสร้างแรงดูดบริเวณผิวหนัง ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ลดการตึงของกล้ามเนื้อ และบรรเทาอาการปวดหลังล่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การครอบแก้วยังช่วยขับสารพิษและลดการอักเสบในกล้ามเนื้อ จึงเป็นอีกทางเลือกในการรักษา

3. การนวดทุยหนา (Tui Na)

  • เป็นการนวดเฉพาะทางที่ใช้แรงกดและการเคลื่อนไหวเพื่อบรรเทาความตึงของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
  • การนวดทุยหนามักใช้ร่วมกับการฝังเข็ม เพื่อให้ผลการรักษาดียิ่งขึ้น โดยเน้นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและพลังงาน Qi

4. การใช้สมุนไพรจีน

  • สมุนไพรจีน เช่น โกฐเชียง, อบเชย, และขิง มักถูกใช้ในการลดการอักเสบและบรรเทาอาการปวด
  • สมุนไพรสามารถใช้ทั้งในรูปแบบชงดื่มหรือการทาภายนอก ซึ่งช่วยส่งเสริมการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อและเส้นประสาท

ฝังเข็มช่วยอะไรบ้าง ฝังตรงไหน อันตรายไหม

การฝังเข็มสามารถช่วย:

  • ลดการอักเสบและอาการปวดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • กระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ในร่างกาย ช่วยให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย
  • เสริมสร้างความสมดุลของพลังงานในร่างกาย

จุดฝังเข็มหลักสำหรับการรักษาอาการปวดเอวและหลังล่าง ได้แก่ บริเวณหลังล่าง, เส้นลมปราณที่เชื่อมต่อกับกระดูกสันหลัง และจุดต่าง ๆ บนเส้นลมปราณที่ส่งผลต่อการไหลเวียนของเลือด

การฝังเข็มถือว่าปลอดภัยมากเมื่อดำเนินการโดยแพทย์ที่ได้รับการรับรอง อาการที่อาจเกิดขึ้นคือการช้ำหรือรู้สึกเมื่อยเล็กน้อยหลังการรักษา แต่ไม่มีอันตรายที่รุนแรง

เห็นผลในครั้งแรกเลยไหม ต้องทำติดต่อนานขนาดไหน

บางคนรู้สึกบรรเทาอาการปวดหลังจากการฝังเข็มครั้งแรก โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการปวดเฉียบพลัน อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีอาการเรื้อรังอาจต้องทำการฝังเข็มต่อเนื่องประมาณ 6-10 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและยั่งยืน โดยปกติควรฝังเข็มสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ

วิธีการดูแลตนเองหลังฝังเข็ม และหลังทำการรักษาอาการปวดเอว ปวดหลังล่าง

  1. พักผ่อนให้เพียงพอ: หลังการฝังเข็ม ร่างกายต้องการเวลาเพื่อปรับตัว ควรพักผ่อนให้เพียงพอในช่วง 24 ชั่วโมงแรก
  2. หลีกเลี่ยงการออกแรงมาก: หลังการฝังเข็ม ควรหลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือการออกกำลังกายหนัก ๆ
  3. การประคบอุ่น: การใช้ถุงน้ำร้อนหรือผ้าชุบน้ำอุ่นบรรเทาอาการตึงของกล้ามเนื้อได้ดี
  4. ปรับท่านั่ง: นั่งในท่าที่ถูกต้องและใช้เก้าอี้ที่รองรับหลังล่าง

การรักษาอาการปวดเอวและหลังล่างด้วยแพทย์แผนจีนเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยเน้นการฟื้นฟูสมดุลของพลังงานและการไหลเวียนของเลือดในร่างกาย การฝังเข็ม การนวดทุยหนา และการใช้สมุนไพรเป็นวิธีหลักในการรักษาอาการปวดนี้ และการดูแลตนเองหลังการรักษามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อให้ผลลัพธ์ของการรักษายั่งยืนและป้องกันการกลับมาของอาการปวด หากสนใจในการรักษาสามารถติดต่อหยางเย่ คลินิกของเราได้เลย